ที่มาแห่งองค์เทพและความหมาย

พระพิฆเณศทรงเป็นพระโอรสของพระศิวะ (พระอิศวร) กับพระนางอุมา (พระนางปารวตี ผู้นับถือศาสนาฮินดู เชื่อว่า พระนางได้นำไคลที่หลุดจากผิวหนังมาเนรมิตให้ กลายเป็นเทพหนุ่มหน้าตางดงาม เนื่องด้วยเทพองค์นั้น กำเนิดจากไคล พระนางจึงรับเทพองค์นั้นเป็นโอรส และ ตั้งชื่อให้ว่าพระพิฆณศ และให้ทำหน้าที่เฝ้ารักษาทวาร ที่ประทับและทรงกำชับ ว่ามิให้ผู้ใดล่วงล้ำเข้ามา โดย เฉพาะอย่างยิ่งเวลาที่พระนางสรงน้ำ

วันหนึ่งพระอิศวรมีพระประสงค์จะพบพระอุมาผู้เป็นชายา แต่พระพิฆเณศรักษาคำสั่งของพระมารดาโดยเคร่งครัด มิยอมให้พระอิศวรเข้าไป พระอิศวรทรงกริ้วจึงสั่งให้เหล่าภูติผี เข้าไปสังหารพระพิฆเณศ แต่เหล่าภูติผีกลับเป็นฝ่ายปราชัย เหล่าเทพเทวดาเห็นก็โกรธแค้นพากันรวบรวมกำลังเข้าสู้รบกับพระพิฆเณศแต่ก็ปราชัย

พระอุมาทรงทราบว่าพระโอรสโดนรุมทำร้ายก็เนรมิต เทพนารีสองนางมาช่วย ทั้งสองนางใช้อิทธิฤทธิ์ดึงดูดศาสตรา วุธของเหล่าเทพให้ลอยพุ่งมาที่ร่างนางเสียเองจึงไม่มีศาสตรา วุธของเทพองค์ใดเข้าทำร้ายพระพิฆณศได้ เหล่าเทพเห็นว่า ไม่มีทางจะเอาชนะได้จึงใช้อุบายขอสงบศึก เทพนารีทั้งสอง เห็นว่าศึกสงบลงแล้วก็กลับไปเฝ้าพระอุมา พระอิศวรจึงถึง โอกาสนั้นพุ่งตรีศูล (สามง่าม ไปตัดเศียรของพระพิฆณศขาด หายไปทันที

ครั้นพระอุมาทราบว่าพระพิฆณศถูกสังหารก็กริ้วยิ่งนัก เนรมิตเทพนารีขึ้นมาใหม่อีกหนึ่งพันองค์ ยกไปต่อสู้กับพระ อิศวรและเหล่าเทพเป็นการแก้แนจนสวรรค์สะเทือนเลื่อนลั่น เหล่าบรรดาฤๅษีเห็นว่าหากปล่อยให้สู้กันต่อไปเห็นที ว่าเหล่าเทพต้องเพลี่ยงพล้ำต่อฤทธิ์ของพระอุมาเป็นแน่ จึงพา กันไปวิงวอนขอให้เลิกรบรากัน พระอุมารับปากว่าจะสงบศึก แน่นอนหากพระพิฆเณศฟื้นคืนชีพขึ้นมา พระอิศวรนั้นไม่ต้องการสู้รบกับชายาจึงรีบสั่งให้เหล่า เทพเทวาเดินทางไปยังทิศเหนือ เมื่อพบสิ่งมีชีวิตที่นอนหัน ศีรษะไปทางทิศตะวันตกก็ให้ตัดศีรษะมา เพื่อจะนำไปต่อแทนเศียรพระพิฆเณศที่ขาดหายไป เทวดาพากันไปค้นหาตามคำสั่ง และพบช้างตัวหนึ่งนอนหลับหันหัวไปทางทิศตะวันตก จึงตัด หัวช้างนั้นไปถวาย พระอิศวรนำไปต่อกับร่างพระพิฆเณศ กลับ พื้นคืนชีวิตขึ้นมา

พระอุมาเห็นพระพิฆเณศฟื้นคืนชีวิตก็ดีพระทัย แม้ว่า จะมีศียรเป็นช้างก็ตาม พระนางจึงสงบศึกและนำพระพิฆเณศ ไปขอขมาต่อพระอิศวรผู้เป็นดุจบิดา และขมาต่อเหล่าเทพที่ได้ กระทำการล่วงเกิน พระศิวะและเหล่าเทพไม่ถือโกรธ มอบให้พระพิฆเณศ เป็นจอมเทพปกครองเหล่ามาร และยกย่องให้เป็นเทพแห่ง ศิลปะต่างๆ ทั้งยังเป็นเทพแห่งอุปสรรคอีกด้วยสามารถบันดาล ให้เกิดหรือรอดพ้นจากอุปสรรคได้ ผู้ที่จะประกอบกิจการใดๆ จึงจะทำการบูชาพระพิฆณศก่อนเสมอ

ส่วนใหญ่คนไทยเชื่อว่าพระพิฆเณศคือพระขันธกุมาร พระองค์ ทรงได้รับเทวบัญชาให้ไปปราบช้างน้ำชื่อ อสุรภังคี แต่จะต้อง เข้าพิธีโสกันต์ก่อน ในวันพิธีมีการอัญเชิญพระพรหม และพระ นารายณ์มาเจริญพระเกศา แต่พระนารายณ์บังเอิญบรรทม หลับ สนิท พระอินทร์ต้องทรงปลุกด้วยเสียงมหาสังข์ พระนารายณ์ ทรงทราบความได้พลั้งพระโอษฐ์ว่า ลูกหัวหาย จะนอนหลับให้ สบายก็ไม่ได้ ทำให้เศียรของพระกุมารหลุดหายไป พระอิศวรจึงให้พระวิษณุกรรมไปยังโลกมนุษย์เพื่อตัดหัวคนที่ใกล้จะ มรณะมาต่อให้ แต่ไม่มีเลย พบแต่ช้างที่นอนหันหัวไปทางทิศ ตะวันตก จึงตัดเอาหัวช้างมาต่อให้พระขันธกุมาร

พระพิฆเณศมอบพรใดแก่ผู้บูชา

เน้นในเรื่องความรู้ความสามารถ ประสบความสำเร็จรอบด้าน ค้าขายกิจการรุ่งเรือง ร่ำรวยรุ่งเรือง

คาถาบทสวดมนต์บูชาพระพิฆเณศ

โอม ศรี คเณศายะ นะมะฮา” (3, 5, 7, 9 จบ ) “โอม พระพิฆเณศวร สิทธิประสิทธิเม มหาลาโภ ทุติยัมปิ พระพิฆเณศวร สิทธิประสิทธิเม มหาลาโภ ตะติยัมปิ พระพิฆเณศวร สิทธิประสิทธิเม มหาลาโภ

วิธีการสักการะบูชาพระพิฆเณศ

ควรเริ่มต้นบูชาพระพิฆเนศใน “วันอังคาร” และ “วันพฤหัสบดี” เพื่อถวายตัวเป็นผู้ศรัทธาหรือลูกศิษย์ของพระพิฆเนศ จากนั้นวันต่อๆ ไป ให้สักการะตามปกติวันไหนก็ได้ เพราะถือว่าเป็นฤกษ์มงคลทั้งนั้น ไม่มีวันไหนที่ไม่เหมาะแก่การบูชาพระพิฆเนศเลย ถวายเครื่องบูชาสักการะ โดยนำของทั้งหมดวางไว้หน้าเทวรูปพระพิฆเณศ วางดอกไม้ไหว้หน้าเทวรูป หรือถ้าร้อยเป็นพวงให้นำไปคล้องที่พระกรของเทวรูป จุดเทียน ธูปหอม กำยาน ฯลฯ ต่อหน้าเทวรูป ทำจิตใจให้สงบแล้ว ตั้งนะโม 3 จบ และเริ่มกล่าวบทสวดพระพิฆเนศ พอท่องบทสวดมนต์เสร็จแล้ว ให้อธิษฐานขอพรเป็นภาษาไทย กล่าวคำว่า “โอม ศานติ” (3 ครั้ง) ขอความสันติและสงบสุข เป็นอันเสร็จพิธี

ของไหว้พระพิฆเณศ

  • น้ำเปล่า น้ำแดง นม (เลือกอย่างใดอย่างหนึ่ง)
  • ธัญพืช 9 ชนิด
  • ดอกบัวสีชมพู 8 ดอก
  • ธูป 5 ดอก
  • เทียน 1 เล่ม
  • ดอกไม้เน้นสีเหลือง เช่น ดอกดาวเรือง