ที่มาแห่งองค์เทพและความหมาย

“พระตรีมูรติ” เป็นเทพเจ้าที่ยิ่งใหญ่ที่สุด เพราะมี ศักดิ์สูงสุดในศาสนาพราหมณ์ เนื่องจากเป็นการ รวมกันของมหาเทพที่ยิ่งใหญ่ถึง ๓ พระองค์ด้วยกัน คือ พระพรหม พระวิษณุ พระศิวะ ตรีมูรติ มาจากคำว่า ตรี หมายถึงสาม และคำว่า มูรติ หมายถึงรูปแบบ ดังนั้นคำว่า ตรีมูรติ จึงหมายถึง รูปแบบของ พระผู้เป็นเจ้าทั้งสามพระองค์ ประกอบด้วย พระพรหม พระวิษณุ พระศิวะ เป็นหนึ่งในลัทธิที่สำคัญในศาสนาพราหมณ์ หาก มองตามหลักปรัชญาคือ พระผู้สร้าง พระผู้รักษา และพระผู้ ทำลาย เปรียบได้กับหลักธรรมที่ว่า เกิดขึ้น ตั้งอยู่ ดับไป…

การกำเนิด “พระตรีมูรติ” มีกล่าวกันไว้หลายตำแหน่ง ต่างๆ กัน และมักจะเข้าใจว่าพระตรีมูรติเป็นภาครวมทั้งสามพระองค์ในร่างเดียวกัน เรียกว่า ทัตตาเตรยะ (Dattatreya) คำ ว่า ทัตตา (Datta) หมายถึง การมอบให้พระผู้เป็นเจ้าทั้งสาม พระองค์ ส่วนคำว่า เตรยะ (treya) หมายถึง ผู้เป็นบุตรแห่ง ฤๅษีอัตริหรือเตรยะ อันเป็นอวตารของมหาเทพทั้งสามพระองค์ บ้างก็กล่าวว่าคือองค์พระนารายณ์

เรื่องเล่าเกี่ยวกับพระตรีมูรติมีอยู่ว่า มีฤๅษีนามว่า “อณิ มาณฑวย” (อะนิมาน-ดับ-วยะ กำลังนั่งสมาธิบำเพ็ญตบะ อยู่ นั้น ได้มีโจรกลุ่มหนึ่งกำลังหนีเจ้าหน้าที่ผ่านมาทางนั้นพอดี แต่ ฤๅษีอยู่ในฌานสมาธิจึงไม่ยอมปริปากพูดใดๆ ทำให้เจ้าหน้าที่ คิดว่าฤๅษีเป็นโจรเสียเอง จึงได้จับตัวมาลงโทษและถูกเจ้า เมืองสั่งประหารชีวิต โดยการเสียบตรีศลไว้บนยอดเขาแห่งหนึ่ง แต่ฤๅษีขณะนั้นยังไม่ตายระหว่างนั้นนางศีลวตี ภรรยาที่ซื่อสัตย์ต่อสามีซื่อ “อุครศรวัส” กำลังแบกสามีให้ขี่คอตนเอง และกำลังเดินทาง ผ่านเขาลูกนั้นพอดีเพื่อจะหานางอนุสรยา ซึ่งเป็นเพื่อนรักกัน ประกอบกับวันนั้นมีฝนตกหนักทำให้เดินทางลำบาก สามีที่รัก ของนางจึงกล่าวโทษฤๅษี (อณิมาณฑวย) หาว่าเป็นตัวต้นเหตุ ทำให้ฝนตก เมื่อฤๅษีได้ยินเข้า ก็ไม่พอใจ แม้กำลังจะใกล้ตาย แต่ก็ไม่วายที่จะสาปแช่ง ให้ศีรษะของอุครศรวัสแตกเป็นเจ็ด เสี่ยงยามใดที่พระอาทิตย์ขึ้นอาภรณ์ออก ทันใดนั้นพระผู้เป็นเจ้าทั้งสามพระองค์ ก็กลับ กลายร่างเป็นทารกน้อยทั้งสาม นางอนุสยาจึงให้น้ำนมและ อาหารจนอิ่มหลับไป

เมื่อสามีของนางอนุสูยากลับมาเห็นเข้าและรับทราบ เรื่องราวทั้งหมด จึงได้เข้าไปดูและปลุกขึ้นมาเพื่อชื่นชม แต่ แล้วปรากฎว่า ทารกน้อยกลับกลายร่างเป็นพระผู้เป็นเจ้าทั้ง สามดังเดิม พระองค์ทรงสรรเสริญนางที่มีความเมตตา และ ร้องขอให้นางอนุสยาไปบอกนางศีลวตี เพื่อขอให้ถอนคำ อธิษฐานนั้นเสีย โดยที่สามีนาง (อุครศรวัส) จะไม่ตาย นางศีลวตี เมื่อรับรู้เรื่องราวจึงยินยอมโดยดี ทั้งสามพระองค์จึงตรัสถาม นางอนุสยาว่าต้องการขอพรสิ่งใด นางทูลขอให้พระผู้เป็นเจ้า ทั้งสามพระองค์ เกิดเป็นบุตรของนางในภายภาคหน้า ทั้งสาม พระองค์จึงได้ประทานพรตามคำขอ โดยที่พระนารายณ์เกิดเป็น พระทัตตาเตรยะ พระศิวะเกิดเป็นทุรวาสัส และพระพรหมเกิด เป็นพระจันทร์

พระตรีมูรติมอบพรใดแก่ผู้บูชา

สามารถขอพรได้แบบองค์รวม ไม่ว่าจะเรื่องงาน เรื่องงาน โชคลาภหรือความรัก แต่ในปัจจุบันพนรตรีมูรติเป็นสัญลักษณ์ใหม่ของการประทานพรความรัก

คาถาบทสวดมนต์บูชาพระตรีมูรติ

โอม ศรี คเณศายะ นะมะหะ ” (3 จบ) “สาธุ สาธุ สาธุ อุกาสะ ข้าแต่องค์พระตรีมูรติที่ยิ่งใหญ่ข้าพเจ้า (ชื่อนามสกุล) กราบเบื้องบาทแด่องค์ท่านแล้ว พระองค์เคยประทานพรแด่ทวยเทพทั้งหลาย ผู้ปฏิบัติดี ผู้ปฏิบัติชอบทั้งหลาย บัดนี้ข้าพเจ้ามากราบเบื้องบาทแด่พระองค์ท่านแล้ว จึงขอพระจากพระองค์ซึ่งประทานไว้ บัดนี้ (…ขอพร…) เตสัง อัมหากัง พรใดอันประเสริฐจงมาบังเกิดแด่ข้าพเจ้า ตุ มหากัง และจงบังเกิดแด่ผู้คุ้มครองข้าพเจ้า ฑีฆายุกา มหาเดชา มหาปัญญา มหาโภคา มหายะสา มหาลาภา ปัญจวีสติ ภยันจะ ทวัตติงสะ ฉันนะวุฒิติโรคัญจะ โสระสะ อุบัติ อันตรายยัญจะ อัยยัญติกะ อันตรายยัญจะ พาหิระ อันตรายยัญจะ วิระหิตะวา โหตุ ยาวะชีวัง พระวิสตีติ พระตรีมูรติ...”

วิธีการสักการะบูชาพระตรีมูรติ

วิธีปฏิบัติที่ถูกต้องสำหรับพระตรีมูรติ ให้ไหว้เทวรูปแล้วสวดมนต์ขอพรถึง “พระศิวะมหาเทพ” ขึ้นชื่อให้เรื่องความรักมั่นคง และความซื่อสัตย์ที่มีต่อพระสวามี มีความเชื่อว่าหากบูชาพระแม่ลักษมีจะทำให้เกิดโชคลาภ ประทานพรให้สมปรารถนาทั้งเรื่องการงาน การเงิน และ “ความรัก”

ของไหว้พระตรีมูรติ

  • เทียนแดง 1 คู่
  • น้ำแดง 1 ขวด
  • ดอกกุหลาบแดง 9 ดอก
  • ผลไม้ 9 อย่าง สีแดง สีชมพู